1. เห็น 11 ตัวจริงของ ดิดิเย่ร์ เดชองส์ ที่ไม่เอา อองตวน กรีซมันน์ ลงสนาม แล้วรู้เลยว่าจะมาไม้ไหน ขณะที่กระทิงดุยังคงยึดมั่นในแนวทางของตัวเอง แม้จะขาดผู้เล่นสำคัญไป 3 คน คือเกมรุกที่มีทั้งความสวยงามและดุดัน
แต่ทีมที่เน้นผลอย่าง ฝรั่งเศส กลับเปิดฉากได้กระชากใจดีนักแล เมื่อชิงจังหวะขึ้นนำก่อนแบบวัวกระทิงไม่ทันกินน้ำนาทีนั้น ผมคิดในใจว่า 'ชิบหายแล้ว'คือถูกใครยิงนำไม่ถูก ดันมาถูกทีมที่เขี้ยวยาวลากดินยิงนำซะอย่างนั้น !!!
2. มาร์คัส แรชฟอร์ด เอ๊ย! คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ พอถอดหน้ากากนินจาเต่าออกแล้วดูคล่องแคล่วมากขึ้น ก่อนที่จะ 'แอสซิสต์' อย่างสวยทว่าหลังจากนั้นท่านประธานเป้เหมือนถูกดาวเตะระดับ ดร.ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เข้าสิงร่าง
จังหวะสับไกแบบเหน่งๆ ในครึ่งหลังน่าจะเป็นประตูตีเสมอให้ ฝรั่งเศส เป็น 2-2 นะครับ มันเหินข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้น ตอกย้ำปัญหาของ เลส เบลอส์ ชุดนี้ว่าอยู่ที่จังหวะจบจริงๆ
3. ตอนแรกก็คิดว่าจะแย่แล้วนะครับสำหรับ สเปน เพราะคู่แข่งของพวกเขามีเกมรับที่เหนียวแน่นและแข็งแกร่งมาก
แต่เกมรับของ ฝรั่งเศส ถูกทะลุทะลวงด้วยการต่อบอลทำชิ่งกันแม่นยำและรวดเร็ว แถมเล่นในพื้นที่แคบๆ ได้ดีมากของทีมกระทิงดุ
นอกจากนี้ ผู้เล่นแต่ละคนยังมีความสามารถเฉพาะตัวสูง เอาตัวรอดเก่ง แล้วก็ได้ 2 ประตู จากการใช้ความสามารถพิเศษของนักเตะวัยว้าวุ่นและซอยยิก
เฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้เด็ก ม.4 ที่อุดมด้วยคุณสมบัติของ 'ซูเปอร์สตาร์' ไม่ใช่แค่ยิงสวยลากไส้ ก่อนสับไก โยกหลอกคู่แข่งจนเสียศูนย์
ขอโทษ...นี่คือรอบรองชนะเลิศ ยูโร นะครับ